อ่านข่าวกีฬาก่อนใครได้ที่ BIGGAME88
“อาร์เซน่อล-แมนฯ ยูไนเต็ด”
เป็นการเจอกันของสองทีมที่มีลุ้นโควตาไป แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นหน้า โดยทั้ง อาร์เซน่อล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หมายมั่นจะคว้าชัยมาให้ได้ เอมิล สมิธ โรว์ คือผู้เล่น”เดอะ กันเนอร์ส” ที่ทำประตูสูงสุดใน เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ซีซั่นนี้
โดยซัดไปทั้งสิ้น 6 ลูกจากทุกรายการ และทุกประตูนั้นจบลงด้วยชัยชนะของ อาร์เซน่อล ทั้งสิ้นนอกจากนี้ดาวเตะวัย 21 ปียังเป็นคนเบิกสกอร์แรกในเกมที่เจอ “ปีศาจแดง” ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด และมองหาการเป็นแข้งเลือดผู้ดีแถบลอนดอนเหนือ
คนแรกที่สามารถยิงใส่ แมนยูได้ทั้งไป-กลับในซีซั่นเดียว ในการเปิดบ้านต้อนรับทีมสีแดงจาก แมนเชสเตอร์ นั้น อาร์เซน่อล ไม่แพ้เลยในช่วง 3 เกมหลังสุด (ชนะ 2 เสมอ 1) และยังเก็บคลีนชีตได้ทั้งหมด
อย่างไรก็ดี จากอดีตที่ผ่านมา
“ไอ้ปืนใหญ่” ยังไม่เคยไม่เสียประตูในบ้านต่อ แมนฯ ยูไนเต็ด ถึง 4 เกมติดต่อกันได้เลย จากเกมก่อนที่เปิดบ้านชนะมา 3-2 นั้น แมนฯ ยูไนเต็ดนั้นถือเป็นการยุติการไร้ชัยเหนือ อาร์เซน่อล 6 เกมติดต่อกัน โดยตอนนี้พวกเขาหวังชนะเกมนี้
เพื่อเป็นการปิดจ็อบไป-กลับเหนือทีมนี้ให้ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2017/18″อสูรแดง” ไม่แพ้ในกรุงลอนดอนมาแล้ว 13 นัดติดต่อกัน (ชนะ 8 เสมอ 5) โดยหนล่าสุดที่แพ้นั้นเกิดขึ้นที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เมื่อเดือนมกราคม ปี 2020
ซึ่งทีมในลีกสูงสุดที่อยู่นอกกรุงลอนดอนที่ไม่แพ้ที่เมืองหลวง อังกฤษ ยาวนานที่สุดคือ ลิเวอร์พูล ที่เคยทำไว้ 16 เกมตอนช่วงเดือนพฤษภาคม ปี 1987 ถึงเดือนตุลาคม ปี 1989
“เลสเตอร์-แอสตันวิลล่า”
ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ ปีก เลสเตอร์ ซิตี้ มีส่วนร่วมกับประตูใส่ แอสตัน วิลล่า มากถึง 5 ลูกจาก 4 เกมหลังสุดที่เจอกันในลีก (4 ประตู 1 แอสซิสต์) ซึ่งเป็นทีมที่เขายิงประตูได้มากที่สุดขณะที่มีแค่ เบิร์นลี่ย์ ทีมเดียวเท่านั้นที่ บาร์นส์ มีส่วนร่วมกับประตูมากกว่า
วิลล่า (6)ทีมของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส มีฟอร์มในบ้านที่ดีมากในช่วง 3 นัดหลังสุด เมื่อคว้าชัยได้เรียบวุธโดยหนล่าสุดที่พวกเขาเอาชนะติดต่อกันในบ้านนานกว่านี้คือตอนเดือนสิงหาคม – ธันวาคม ปี 2019 ที่ชนะได้ 7 เกมรวด “สิงห์ผยอง”
มองหาการคว้าชัยเหนือ เลสเตอร์แบบไป-กลับในลีกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ซีซั่น 2003/04 โดยเกมก่อนสามารถเอาชนะได้ที่ วิลล่า พาร์ค 2-1 วิลล่า แพ้ติดต่อกันมาแล้ว 4 เกมซึ่งหนสุดท้ายที่พวกเขาแพ้ 5 เกมรวดเกิดขึ้นตอนเดือนตุลาคม-พฤศจิการยน
สมัยที่ ดีน สมิธ ยังกุมบังเหียน และหากพวกเขาแพ้ในเกมนี้อีกก็จะทำให้เป็นครั้งที่สองในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก ที่มีสองผู้จัดการทีมพาทีมทีมเดียวกันแพ้ติดต่อกัน 5 ครั้งต่อจากที่ ดาเนี่ยล ฟาร์เค่ กับ ดีน สมิธ ทำไว้กับ นอริช
“แมนฯ ซิตี้-วัตฟอร์ด”
เรียกว่าเป็นของหวานสำหรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จริง ๆ สำหรับ วัตฟอร์ด ที่โดน “เรือใบสีฟ้า” ปู้ยี่ปู้ยำมาแล้ว 14 นัดติดต่อกัน และสถิติจะขึ้นเป็นที่สุดของลีกทันทีหากเกมนี้ชัยชนะตกเป็นของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่าไม่มีทีมไหนอีกแล้วที่ ราฮีม สเตอร์ลิง
จะซัดประตูได้มากกว่า “แตนอาละวาด” ในทุกรายการ โดยเจ้าตัวยิงใส่ วัตฟอร์ด ไปแล้ว 11 ลูกและ 6 นัดหลังสอยไป 10 ประตู ทั้งสามชัยชนะของ รอย ฮ็อดจ์สัน ที่มีต่อ แมนฯ ซิตี้ ได้นั้น เกิดขึ้นจากเกมที่ออกไปเยือนทั้งสิ้น (2 กับ ฟูแล่ม และ 1 กับ คริสตัล พาเลซ) และมีแค่
นิวคาสเซิ่ล ทีมเดียวเท่านั้นที่เขาบุกคว้าชัยได้มากกว่า ซิตี้ (4)มีถึง 5 นัดที่ เอ็มมานูเอล เดนนิส ยิงได้แต่ทีมกลับตกเป็นฝ่ายปราชัยซึ่งไม่มีผู้เล่นคนใดที่ทำได้มากกว่าเขาอีกแล้วในซีซั่นนี้ และยังเป็นสถิติเทียบเท่าที่ผู้เล่น “เดอะ ฮอร์เน็ตส์” ยิงได้แล้วทีมแพ้เทียบเคียงกับ ไฮดาร์ เฮลกูสัน เมื่อฤดูกาล 1999/00
“เบรนท์ฟอร์ด-สเปอร์ส”
คริสเตียน เอริคเซ่น มีส่วนร่วมกับประตู 3 ลูกจาก 4 เกมหลังสุดใน พรีเมียร์ลีก (1 ประตู 2 แอสซิสต์) ขณะที่ เบรนท์ฟอร์ด สามารถคว้าชัยได้ทุกนัดที่ดาวเตะทีมชาติเดนมาร์กลงเล่นเป็นตัวจริง (5 เกม) นอกจากนี้เขาจะกลายเป็นผู้เล่นคนที่ 26
ที่ทำประตูใส่ สเปอร์ส ในฐานะที่เคยเป็นผู้เล่น “ไก่เดือยทอง” มาก่อน แฮร์รี่ เคน ยิงคู่แข่งไม่ซ้ำหน้ามาแล้ว 31ทีมในศึก พรีเมียร์ลีก โดย เบรนท์ฟอร์ด เป็นทีมเดียวที่เขายังยิงใส่ไม่ได้ ซึ่ง เคน มีส่วนร่วมกับประตูใน ลอนดอน ดาร์บี้ แมตช์
ไปแล้ว 50 ลูก (39 ประตู 11 แอสซิสต์)มีแค่ เธียร์รี่ อองรีเท่านั้น ที่ทำได้มากกว่าเขา (55 ลูก) ในฤดูกาลนี้มีแค่ เชลซี ทีมเดียวที่เก็บแต้มในเกม ลอนดอน ดาร์บี้ ได้มากกว่า “เดอะ บีส์” (14) และมีแค่ 3
ทีมกรุงลอนดอนเท่านั้น
ที่โกยแต้มในเกมดาร์บี้มากกว่านี้ โดยที่ไม่แพ้ใคร อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับทีมจากกรุงลอนดอนเฉพาะตอนที่ได้เล่นใน พรีเมียร์ลีก เป็นฤดูกาลแรกนั้นมีเพียง 3 ทีมที่เคยเก็บแต้มในเกม ลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ ได้มากกว่า เบรนท์ฟอร์ด ในตอนนี้
โดยทั้ง 3 ทีมที่ว่าคือ เชลซี, สเปอร์ส และ วิมเบิลดันที่เคยทำได้ 19 คะแนน, 16 แต้ม และ 15 คะแนน ตามลำดับ ในฤดูกาล 1992-93 ซึ่งเป็นซีซั่นแรกที่ลีกสูงสุดของอังกฤษเปลี่ยนมาใช้ชื่อ พรีเมียร์ลีกทั้ง เบรนท์ฟอร์ด และ สเปอร์ส
ต่างเคยได้ประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บกันมาแล้ว 3 ครั้งในซีซั่นนี้ และมีแค่ 4 ทีมเท่านั้นที่ทำได้ 4 ครั้งในปีเดียวได้แก่ ซันเดอร์แลนด์ ซีซั่น 2007/08, ลิเวอร์พูล 2008/09,เอฟเวอร์ตัน 2009/10 และ นิวคาสเซิ่ล 2012/13)
“เชลซี-เวสต์แฮม”
ไม่ว่าจะคุมทีม นับเป็นเวลา 16 นัดเข้าให้แล้วที่ เดวิด มอยส์ เอาชนะ เชลซี ยามที่ออกไปเยือนในลีกไม่ได้เลย (เสมอ 7 แพ้ 9) ซึ่งมีแค่ 2 ทีมเท่านั้นที่เขาไม่ชนะติดต่อกันได้นานกว่านั่นก็คือ อาร์เซน่อล (18 นัด) และ ลิเวอร์พูล (17 นัด)ส่วนในการเจอกับ
“เดอะ แฮมเมอร์ส” ของ เชลซี ที่บ้านตัวเองนั้น พวกเขาแพ้แค่ครั้งเดียวจาก 15 เกมลีกหลังสุด(ชนะ 10 เสมอ 4)โดยความพ่ายแพ้เกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2019ขณะที่ เวสต์แฮม คว้าชัยเหนือ เชลซี ได้ถึง 3 จาก 5 เกมลีกหลังสุด (แพ้ 2)
โดยเกมแรกสามารถเฉือนชนะไปได้ 3-2 ที่ ลอนดอน สเตเดี้ยม และก่อนหน้านี้ เวสต์แฮม เพิ่งชนะ เชลซี ได้แค่ 3 นัดจาก 26 เกมลีกที่เจอกัน (เสมอ 6 แพ้ 17) “สิงห์บลูส์”ไม่แพ้ใครในเกมที่เล่นวันอาทิตย์ ซีซั่นนี้ 8 นัด (ชนะ 5 เสมอ 3) โดยเกมสุดท้ายที่แพ้วันนี้คือนัดสุดท้ายของฤดูกาลก่อนที่พ่ายต่อ แอสตัน วิลล่า 1-2
“ลิเวอร์พูล-เอฟเวอร์ตัน”
เอฟเวอร์ตัน ยุติการไร้ชัยที่ แอนฟิลด์ 20 เกม(เสมอ 9 แพ้ 11) หลังจากซีซั่นก่อนบุกมาคว้าชัยที่นี่ 2-0 ถึงกระนั้นพวกเขาไม่เคยชนะที่บ้านลิเวอร์พูล 2 ครั้งติดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี 1986 ในทางตรงกันข้าม ลิเวอร์พูล เองก็เพิ่งแพ้ต่ออริร่วมเมืองนัดเดียวจาก 22 เกมลีก (ชนะ 9 เสมอ 12)
อ่านข่าวกีฬาก่อนใครได้ที่ BIGGAME88.COM
สมัครสมาชิกเดิมพันออนไลน์กับเราที่นี่ >> คลิ๊ก
ฝากกดติดตาม Line Official Account >> @BIGGAME88 << ของทางเราได้ที่นี่